สัณฐาน ชยนนท์ เชื่อไม่นานคนแก่จิตป่วนจะเผยโฉมเอง!

“สัณฐาน” เผย คนแก่ก่อเหตุป่วนเมืองอีกไม่นานจะปรากฏตัว พร้อมเรียกคนที่เชื่อว่าจะให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ 48 คน สอบคดีบึ้มบิ๊กซี-หน้าคิงเพาเวอร์ ทุกคนให้ความร่วมมือ แต่ยังมาไม่ครบ ส่วน “น้องเดียร์” จะฟ้องตำรวจเป็นสิทธิทำได้ สั่ง ผกก.ทุก สน.ตื่นตัวระวังพวกจิตป่วนวางระเบิดแถวโรงพัก

วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น.เปิดเผยถึงกรณีการเชิญบุคคลที่มีประโยชน์ต่อรูปคดีระเบิดทั้ง 2 แห่ง คือ ป้ายรถเมล์หน้าห้างบิ๊กซี สาขาราชดำริ และหน้าห้างคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ เพื่อสอบถามข้อมูลทั่วไป ว่า การทำงานของตำรวจนั้นประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งการสืบสวนสอบสวนและประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมา ประกอบกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งว่ากันว่าประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอย เพราะฉะนั้นเมื่อประชุมหารือกันแล้วก็ดูว่าควรจะเชิญใครบ้างมาพูดมาคุย และเกิดประโยชน์ในทางคดี แต่ไม่ได้หมายความว่า คนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในเป้าหมายของตำรวจ ซึ่งเพียงแต่ว่าเป็นการเริ่มต้นเท่านั้นเอง ซึ่งบางคนแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการให้พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ และบางคนก็ไม่ยินยอม ซึ่งไม่เป็นไร

พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวต่อไปว่า ต้องยอมรับว่า ขบวนการในการประกอบวัตถุระเบิดมันยากซ้ำซ้อนกว่าคดีเหตุปล้นทรัพย์ เพราะว่าร่องรอยมันหายาก คนทำก็ทำระเบิดหลุดมือร่องรอยก็หายาก ซึ่งการตามร่องรอยต้องค่อยๆ ตามไป โดยต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ และจะดูจากวงจรต่างๆ

ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่เชิญมาไม่ได้หมายความว่าเป็นผู้ต้องหาทั้งหมด การเชิญมาประกอบด้วยหลายๆ ส่วน บางคนอาจเป็นผู้รู้เรื่องราวดี บางคนอยู่ในกลุ่มต้องจับตามอง หรือบางกลุ่มอยู่ในผู้กว้างขวางอย่างที่ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา สบ 10 กล่าวไว้ ซึ่งเป็นการสืบสวนตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติที่แท้จริงไม่ใช่อย่างอื่น

บึ้ม! บิ๊กซี ราชดำริ ดับแล้ว 1 ดับแล้ว 1 ภาณุพงศ์ สั่งรื้อคดีเก่า

เวลา 18.00 น.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.ลุมพินี รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดบริเวณป้ายรถประจำทาง หน้าห้างบิ๊กซีราชดำริ ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยเก็บกู้ระเบิดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบเศษขยะกระจัดกระจาย ส่วนป้ายรถประจำทางได้รับความเสียหาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไป เนื่องจากเกรงว่าวัตถุระเบิดยังหลงเหลืออยู่ ขณะเดียวกัน ได้ทำการปิดการจราจรบนถนนราชดำริทั้งสองฝั่ง ช่วงบริเวณแยกราชประสงค์ ถึงแยกประตูน้ำ จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้ระเบิดเข้าทำการตรวจสอบ ว่า มีระเบิดหลงเหลืออยู่หรือไม่ ขณะเดียวกัน ได้ทำการปิดการจราจร ช่วงบริเวณแยกราชประสงค์ ถึงแยกประตูน้ำ ถนนราชดำริ ทั้งสองฝั่ง

ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำแยกส่งโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาฯ และโรงพยาบาลหัวเฉียว รวม 9 ราย ทราบชื่อต่อมา นายสมชาย เอี่ยมประชา อายุ 31 ปี, นายสมใจ พันทิมา อายุ 30 ปี, นางสาวชานุ สัญชาติพม่า อายุ 24 ปี, นายชนาภัทร ตั้งศิริพานิช อายุ 46 ปี, นายวีระศักดิ์ แซ่แต้ อายุ 40 ปี, นายธวัชชัย ทองมาก อายุ 51 ปี, นางสาวมุฑิตา เฉลิมประพาส อายุ 46 ปี, นายบุญเรือง แก้วสมบัติ อายุ 51 ปี และ นายปวร พรนิเพท อายุ 17 ปี